๗. บทประธาน
คำนามที่ประกอบวิภัตติทั้ง ๗ หมวดนั้นแล้ว
เมื่อกล่าวตามหลักการของภาษาแล้วจะได้ชื่อว่า บท ไม่เรียกว่า ศัพท์หรือลิงค์ อีก
เพราะคำว่า บท ได้แก่ คำที่ให้รู้ความหมายและหน้าที่ตามวิภัตติทั้ง ๗ นั้น.
ต่อไปนี้จะเรียก คำนามหรือลิงค์ที่ประกอบด้วยวิภัตติแล้วว่า นามบท.
ในนามบททั้งหมดนั้น นามบทที่จะจัดเป็นประธานของประโยคได้
ก็เฉพาะที่ประกอบด้วยปฐมาวิภัตติเท่านั้น (ที่มีคำแปลหรืออายตนิบาตว่า
อันว่า ซึ่งนิยมใช้ตัวย่อว่า อ. ได้แก่ รูปว่า ปุริโส อ.บุรุษ ใน อ
การันต์ปุงลิงค์). ดังนั้น นามบททั้งหมด ที่ได้กล่าวแล้วในหัวข้อที่ ๑ นั้น
เมื่อจะนำมาใช้เป็นบทประธานและบทขยายประธาน ต้องประกอบด้วยปฐมาวิภัตติเสมอ[1].
บทประธาน คือ บทมีลักษณะเช่นไร
บทอันผู้พูดประสงค์จะกล่าวถึง ชื่อว่า บทประธาน. บทประธานแบ่งออกเป็น ๕ ประเภทใหญ่ ๆ
คือ
๑. บทประธานที่ไม่เกี่ยวข้องกับกริยาบทใด ๆ.
๒. บทประธานที่เป็นผู้กระทำกิริยาเอง
๓. บทประธานที่เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำ
๔. บทประธานที่เป็นผู้ถูกกระทำ
๕. บทประธานที่เป็นผู้ถูกใช้ให้กระทำ
บทประธานทั้ง ๕ ประเภทนี้นั่นแหละ
จะเป็นบทที่บ่งถึงลักษณะประโยคในภาษาบาลีได้ด้วย.
ในที่นี้เราจะศึกษาเฉพาะบทประธานที่ไม่เกี่ยวข้องกับกริยาบทและที่เป็นผู้กระทำกิริยาเองก่อน
ส่วนที่เหลือจะได้ทยอยศึกษากันในลำดับต่อไป.
บทประธานย่อมประกอบด้วยปฐมาวิภัตติเสมอ.
คำที่กล่าวมานี้มีเรื่องที่น่าพิจารณาอยู่ ๓ ประเด็น คือ
๑)
ปฐมาวิภัตติ ใช้ในความหมายอย่างไร ?
๒) เหตุไรบทประธานต้องประกอบด้วยปฐมาวิภัตติ ?
๓) ปฐมาวิภัตติใช้เป็นบทประธานได้ทั้งหมดหรือไม่ ?
×vØ
[1] คำว่า
ต้องประกอบด้วยปฐมาวิภัตติเสมอนี้
เฉพาะในประโยคที่มีลักษณะกล่าวถึงผู้ทำกิริยาและผู้ถูกทำเท่านั้น
ไม่เกี่ยวกับประโยคที่กล่าวถึงอาการเป็นไปของกิริยา
เพราะประโยคที่กล่าวอาการแห่งกิริยา มิได้กล่าวถึงผู้กระทำ ไม่ว่าจะในแง่ใด ๆ
จึงไม่เอาปฐมาวิภัตติมาเป็นบทประธาน แต่นำตติยาวิภัตติมาเป็นบทประธานแทน.
เรื่องนี้จะพบได้ในภาคกริยาข้างหน้า.
ศัพท์ที่จะใช้เป็นบทประธานในประโยคบาลีได้ มีศัพท์อะไรบ้าง
ตอบลบ