๑. ลิงค์
ลิงค์ คือ เพศหรือแบบของคำนาม.
คำนามทุกคำในภาษาบาลีล้วนแล้วแต่มีองค์ประกอบนี้อยู่ทั้งสิ้น ดังนั้น
อาจกล่าวได้ว่า ลิงค์ คือ หน่วยสุดท้ายหรือคำเดิมของคำนามนั่นเอง เพราะอะไร ?
เพราะลิงค์ ย่อมแอบแฝงอยู่ในคำนามที่ประกอบกับวิภัตติแล้วทั้งสิ้น.
ลิงค์ที่ถือว่าเป็นหน่วยสุดท้ายของคำนามนั้นมีอยู่ ๓แบบ
ที่เรียกกันว่า เพศ คือ
๑. ปุงลิงค์ เพศหรือแบบชาย
๒. อิตถีลิงค์ เพศหรือแบบหญิง
๓. นปุงสกลิงค์ เพศหรือแบบที่ไม่ใช่ทั้งชาย
ไม่ใช่ทั้งหญิง เป็นกลางๆ
ทั้ง ๓ อย่างนี้เอาเกณฑ์อะไรมาแบ่ง ? เมื่อจะมองอย่างมุมกว้างที่สุด
น่าจะมีอยู่ ๒ ประการ คือ
๑. อาศัยรูปแบบที่ประกอบกับวิภัตติแล้วสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่า
คำนี้เป็นวิภัตตินี้ ไม่ใช่วิภัตติโน้น เพราะไม่มีซ้ำกันเลยในแต่ละวิภัตติ
อย่างนี้จัดเป็นปุงลิงค์ ถ้าไม่สามารถแยกได้อย่างชัดเจน
เพราะมีรูปที่ซ้ำกันแทบจะทุกวิภัตติ อย่างนี้จัดว่าเป็นอิตถีลิงค์
แต่ถ้ามีรูปแบบที่เป็นกลาง ๆ คือ มีรูปเหมือนกับปุงลิงค์เป็นบางวิภัตติ
ดูคล้ายกับปุงลิงค์ บางทีดูออก บางทีดูไม่ออกว่า ไม่ใช่ปุงลิงค์
อย่างนี้นับว่าเป็นนปุงสกลิงค์. ในข้อนี้
จะเห็นความชัดเจนเมื่อได้ทราบถึงการนำนามศัพท์ผสมแจกวิภัตติ.
๒. อาศัยธรรมชาติของศัพท์นั้น ๆ
ว่าเป็นชายเป็นหญิงหรือไม่ใช้ทั้งชายและหญิง. ข้อนี้ ยังไม่แน่เสมอไป
แต่ก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักง่าย ๆ ในการตัดสินได้ นั่นก็คือ
๑) ลิงค์โดยกำเนิด นั่นก็คือ คำนามใด
เมื่อกล่าวถึงความเป็นผู้ชายที่อาศัยอยู่ในวัตถุสิ่งนั้นแล้ว คำนามนั้น
ก็จัดเป็นปุงลิงค์ เช่น ปุริส ผู้ชาย นร ผู้ชาย กุมาร เด็กผู้ชาย อมร
เทวดาผู้ชาย ปิตุ บิดา ดังนี้เป็นต้น โดยทำนองเดียวกัน
ถ้ากล่าวถึงความเป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในวัตถุสิ่งนั้นแล้ว คำนามนั้น
ก็จัดเป็นอิตถีลิงค์ เช่น อิตฺถี ผู้หญิง กญฺญา นางสาว ภิกฺขุนี
พระภิกษุผู้เป็นหญิง ดังนี้เป็นต้น แต่ถ้าไม่สามารถระบุถึงความเป็นหญิงชายได้จริง
ๆ เป็นต้นว่า สภาพต่าง ๆ หรือ สิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่มีชีวิต
แล้วมักจะเป็นนปุงสกลิงค์ เช่น องฺค องค์ประกอบ กุล ตระกูล จิตฺต จิตใจ รูป
รูปธรรม เป็นต้น.
๒) ลิงค์โดยสมมุติ นั่นก็คือ ลิงค์ในข้อ ๑ นั้น แม้ว่า
ความเป็นชายหญิงจะปรากฏอยู่วัตถุนั้น
แต่ความนิยมของภาษาบาลีกลับใช้เป็นโดยนัยตรงข้ามก็มี เช่น ทาร ภรรยา โดยภาวะแล้ว
เป็นหญิง แต่เวลาใช้จริง ๆ เป็นปุงลิงค์ หรือ อุทธิ ทะเล, ปพฺพต
ภูเขาแม้เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ก็ตาม กลับใช้เป็นปุงลิงค์ ก็ได้ โลภ ความอยากได้
เป็นสภาพธรรม ก็จริง แต่ใช้เป็นปุงลิงค์ ปญฺญา ความรู้ ใช้เป็นอิตถีลิงค์
ดังนี้เป็นต้น
เมื่อจะสรุปให้รวบรัดที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นลิงค์โดยกำเนิดหรือลิงค์โดยสมมุติก็ตาม ย่อมอาศัยกฏเกณฑ์ในข้อที่ ๑
นั่นเองเป็นตัวชี้ขาดว่าเป็นลิงค์ใด เพราะในขั้นตอนของการใช้ลิงค์เหล่านี้
จะพบได้เมื่อเวลาที่ประกอบวิภัตติแล้วนำมาใช้ในหน้าที่ต่าง ๆ ของประโยคเท่านั้น จะไม่มีทางพบคำนามที่เป็นลิงค์โดยไม่ประกอบวิภัตติได้เลย.
ในที่นี้จะยกอุทาหรณ์ที่ท่านจัดเป็นลิงค์ต่าง ๆ มาให้
เพื่อเป็นแนวทางในการวินิจฉัยว่า ศัพท์ใดเป็นลิงค์ใด. อุทาหรณ์เหล่านี้
ควรตกลงใจในขั้นต้นนี้ก่อนว่า ท่านมีวิธีการแบ่งออกโดยเกณฑ์ดังนี้
๑. เป็นลิงค์เดียว คือ เป็นลิงค์ใด
ก็จัดเป็นลิงค์นั้นไปเลย ห้ามใช้สลับกัน
๒. เป็นได้ทั้ง ๒ ลิงค์ คือ
เป็นทั้งปุงลิงค์และนปุงสกลิงค์ แล้วแต่จะพบว่าเป็นบริบทของบทที่เป็นลิงค์ใด
๓. เป็นได้ทั้ง ๒ลิงค์ คือ คำเดิมเป็นปุงลิงค์อยู่แล้ว
แต่ประสงค์จะให้ใช้เป็นอิตถีลิงค์ ก็เปลี่ยนเสียงท้ายของคำนามนั้น
โดยการนำอักษรที่บ่งถึงความเป็นหญิงมาประกอบ
๔. เป็นได้ทั้ง ๓ ลิงค์ คือ คำนามใด เมื่อจะใช้ขยายบทใด
ไม่ว่าจะเป็นลิงค์ใด ก็ตาม ย่อมมีฐานะเทียบเท่ากับลิงค์นั้น คำนามนั้น จึงมีได้ ๓
ลิงค์ แล้วแต่ว่าจะขยายบทใด. คำนามประเภทนี้ ได้แก่ คุณนาม.
๑. คำนามเป็นลิงค์เดียว
ปุงลิงค์
|
อิตถีลิงค์
|
นปุงสกลิงค์
|
อมโร เทวดา
|
อจฺฉรา นางอัปสร
|
องฺค องค์
|
อาทิจฺโจ พระอาทิตย์
|
อาภา รัศมี
|
อารมฺมณ อารมณ์
|
อินฺโท พระอินทร์
|
อิทฺธิ ฤทธิ์
|
อิณ หนี้
|
อีโส คนเป็นใหญ่
|
อีสา งอนไถ
|
อีริณ ทุ่งนา
|
อุทธิ ทะเล
|
อุฬุ ดาว
|
อุทก น้ำ
|
เอรณฺโฑ ต้นละหุ่ง
|
เอสิกา เสาระเนียด
|
เอฬาลุก ฟักเหลือง
|
โอโฆ ห้วงน้ำ
|
โอชา โอชา
|
โอก น้ำ
|
กณฺโณ หู
|
กฏิ สะเอว
|
กมฺม กรรม
|
จนฺโท พระจันทร์
|
จมู เสนา
|
จกฺขุ นัยน์ตา
|
ตรุ ต้นไม้
|
ตารา ดาว
|
เตล น้ำมัน
|
ปพฺพโต ภูเขา
|
ปภา รัศมี
|
ปณฺณ ใบไม้
|
ยโม พระยม
|
ยาคุ ข้าวต้ม
|
ยาน ยาน
|
๒.
คำนามเดียวกันเป็นได้ ๒ ลิงค์ คือ ปุงลิงค์และนปุงสกลิงค์
ปุงลิงค์
|
นปุงสกลิงค์
|
คำแปล
|
อกฺขโร
|
อกฺขร
|
อักษร
|
อคาโร
|
อคาร
|
เรือน
|
อุตุ
|
อุตุ
|
ฤดู
|
ทิวโส
|
ทิวส
|
วัน
|
มโน
|
มน
|
ใจ
|
สวจฺฉโร
|
สวจฺฉร
|
ปี
|
๓. คำนามเดียวกัน
ลงอักษรที่บ่งความเป็นหญิง กลายเป็นอิตถีลิงค์ จึงมี ๒ ลิงค์
ปุงลิงค์
|
อิตถีลิงค์
|
คำแปล
|
อรหา - อรห
|
อรหนฺตี
|
พระอรหันต์
|
อาชีวโก
|
อาชีวิกา
|
นักบวช
|
อุปาสโก
|
อุปาสิกา
|
อุบาสก, อุบาสิกา
|
กุมาโร
|
กุมารี-กุมาริกา
|
เด็ก
|
ขตฺติโย
|
ขตฺติยานี ขตฺติยา
|
กษัตริย์
|
โคโณ
|
คาวี
|
โค
|
โจโร
|
โจรี
|
โจร
|
าตโก
|
าติกา
|
ญาติ
|
ตรุโณ
|
ตรุณี
|
ชายหนุ่ม, หญิงสาว
|
เถโร
|
เถรี
|
พระเถระ, พระเถรี
|
ทารโก
|
ทาริกา
|
เด็กชาย, เด็กหญิง
|
เทโว
|
เทวี
|
พระเจ้าแผ่นดินพระราชเทวี
|
นโร
|
นารี
|
คน (ชาย - หญิง)
|
ปริพฺพาชโก
|
ปริพฺพาชิกา
|
นักบวช
(ชาย - หญิง)
|
ภิกฺขุ
|
ภิกฺขุนี
|
ภิกษุ, ภิกษุณีผู้เจริญ
|
ภว
|
โภตี
|
ผู้เจริญ
|
มนุสฺโส
|
มนุสฺสี
|
มนุษย์ (ชาย - หญิง)
|
ยกฺโข
|
ยกฺขินี
|
ยักษ์, ยักษิณี
|
ยุวา
|
ยุวตี
|
ชายหนุ่ม, หญิงสาว
|
ราชา
|
ราชินี
|
ราชินี
|
สขา
|
สขี
|
เพื่อน (ชาย - หญิง)
|
หตฺถี
|
หตฺถินี
|
ช้างพลาย, ช้างพัง
|
๔. คำนามที่ใช้เป็นคุณนาม
เป็นได้ ๓ ลิงค์ แล้วแต่จะขยายบทที่เป็นลิงค์ใด
ปุงลิงค์
|
อิตถีลิงค์
|
นปุงสกลิงค์
|
คำแปล
|
กมฺมกาโร
|
กมฺมการินี
|
กมฺมการ
|
ทำการงาน
|
คุณวา
|
คุณวตี
|
คุณว
|
มีคุณ
|
จณฺโฑ
|
จณฺฑา
|
จณฺฑ
|
ดุร้าย
|
เชฏฺโ
|
เชฏฺา
|
เชฏฺ
|
เจริญที่สุด
|
ตาโณ
|
ตาณา
|
ตาณ
|
ต้านทาน
|
ถิโร
|
ถิรา
|
ถิร
|
มั่น
|
ทกฺโข
|
ทกฺขา
|
ทกฺข
|
ขยัน
|
ธมฺมิโก
|
ธมฺมิกา
|
ธมฺมิก
|
ตั้งในธรรม
|
นาโถ
|
นาถา
|
นาถ
|
ที่พึ่ง
|
ปาโป
|
ปาปา
|
ปาป
|
บาป
|
โภคี
|
โภคินี
|
โภคิ
|
มีโภคะ
|
มติมา
|
มติมตี
|
มติม
|
มีความคิด
|
ลาภี
|
ลาภินี
|
ลาภิ
|
มีลาภ
|
สทฺโธ
|
สทฺธา
|
สทฺธ
|
มีศรัทธา.
|
ในตอนนี้
มีห้อข้อต้องกำหนดให้ได้อยู่ว่า
๑. คำนามเดิมทั้งปวงจัดเป็นลิงค์ แบ่งออกเป็น ๓ แบบ คือ ปุงลิงค์
แบบชาย อิตถีลิงค์ แบบหญิง นปุงสกลิงค์
ไม่ใช่ชาย ไม่ใช่หญิง
๒. ลิงค์แบ่งออก ๓ แบบนั้นโดยอาศัยรูปแบบการแจกวิภัตติและโดยอาศัยความเป็นชาย
หญิง ที่มีอยู่ในสิ่งนั้น
๓. ตัวอย่างคำศัพท์ที่เป็นลิงค์ต่าง ๆ ที่ให้ไว้
สำหรับเป็นคู่มือและแนวทางในการกำหนดลิงค์ ถ้าใช้ความสังเกตจะกำหนดได้เอง
ไม่จำเป็นต้องท่องเพื่อจำให้ได้.
×vØ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น