วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

๑๘. วิภัตติและวจนะ

๓ - ๔. วิภัตติและวจนะ
         หัวข้อนี้จะพูดไปพร้อมกัน เพราะเป็นเรื่องเดียวกัน.
         พึงทำความเข้าใจว่า ภาษาบาลีมีระเบียบที่เป็นลักษณะเฉพาะอยู่อย่างหนึ่ง คือ สามารถผันคำศัพท์ต่าง ๆ โดยความหมายที่ต้องการได้ ลักษณะการผันคำอย่างนี้มีชื่อว่า วิภัตติ.  โดยทั่วไปแล้ว คำว่า วิภัตติ แปลว่า การจำแนก ได้แก่ การจำแนกให้เห็นถึงความหมายของศัพท์นั้น ๆ ซึ่งจะทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง ในประโยค เป็นต้นว่า เป็นผู้ทำ เป็นสิ่งที่ถูกทำ เป็นเครื่องมือใช้ทำ เป็นที่รับมอบ เป็นต้น โดยมีความเกี่ยวข้องกับบทประธาน หรือกับบทกริยาก็ได้.   นอกจากนี้ วิภัตติยังทำหน้าที่จำแนกให้เห็นถึงวจนะ คือ จำนวนของคำนามด้วย. ที่กล่าวมานี้เป็นความหมายของวิภัตติ ยังไม่ได้หมายถึง ตัววิภัตติ.
         วิภัตติ หมายถึง กลุ่มอักษรที่ประกอบขึ้นมาแล้วทำหน้าที่จำแนกคำนามดังได้กล่าวนั้น. ในที่นี้ท่านแบ่งออกเป็น ๗ หมวด ๆ ละ ๒ ข้าง คือ ข้างเอกวจนะ และ พหุวจนะ รวมเป็น ๑๔ ตัว ดังตารางข้างล่างนี้
        
ตารางแสดงวิภัตติทั้ง ๗
ชื่อวิภัตติ
เอกวจนะ
พหุวจนะ
คำแปล (อายตนิบาต)
ปฐมาวิภัตติ
สิ
โย
อันว่า ***
ทุติยาวิภัตติ
อํ
โย
ซึ่ง, สู่, ยัง,สิ้น,กะ, เฉพาะ, ตลอด
ตติยาวิภัตติ
นา
หิ
ด้วย, โดย, อัน, ตาม, เพราะ,มี
จตุตฺถีวิภัตติ
นํ
แก่, เพื่อ, ต่อ
ปญฺจมีวิภัตติ
สฺมา
หิ
แต่, จาก, กว่า, เหตุ
ฉฏฺฐีวิภัตติ
นํ
แห่ง, ของ, เมื่อ
สตฺตมีวิภัตติ
สฺมึ
สุ
ใน,ใกล้,ที่,ครั้น,เมื่อ,ณ,ในเพราะ
อาลปนะ
สิ
โย
แน่ะ, ดูกร, ข้าแต่
*** ทุกวิภัตติฝ่ายพหุวจนะให้เติมคำว่า ทั้งหลาย (ท.)

        


         จากตารางนี้ คำแปลประจำวิภัตตินั้น มีชื่อว่า อายตนิบาต หมายถึงเป็นตัวที่ใช้เชื่อมบทที่ประกอบด้วยวิภัตตินี้ กับบทอื่นที่ประกอบด้วยวิภัตติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือกับบทกริยาเข้าด้วยกัน. ตรงกับคำสันธานในภาษาไทย. ต่างกันเพียงว่า คำสันธาน แยกออกมาเป็นอีกคำหนึ่งนอกจากคำนามนั้น. ส่วนคำแปลฝ่ายพหุวจนะ ให้นำคำว่า ทั้งหลาย (โดยทั่วไปนิยมใช้ตัวย่อว่า ท. ) มาเพิ่มเท่านั้น.
         มีอีกหมวดหนึ่งเพิ่มเข้ามา นั่นก็คือ อาลปนะ ที่เป็นคำใช้เรียกให้ผู้ฟังรู้สึกตัว ก่อนที่จะพูดจากัน ให้ทำความตกลงว่า ไม่ใช่เป็นวิภัตติอีกหมวดหนึ่ง แต่จัดอยู่ในปฐมาวิภัตติ เพียงแต่ว่า เป็นการใช้ปฐมาวิภัตติในอีกความหมายหนึ่งเท่านั้น.
         ทุกคำศัพท์ที่แบ่งออกตามการันต์นั้น แต่ละการันต์ ในแต่ละลิงค์ เรานำเพียงคำศัพท์ที่เป็นตัวอย่างมา ๑ คำมาแล้วประกอบวิภัตติตามนี้ก็พอแล้ว ดังนั้น แม้ว่า คำนามจะมีมากมายสักเท่าใด ก็คงมีรูปแบบการจำแนกโดยวิภัตติได้เพียง ๑๐ กว่าชนิดเท่านั้น ซึ่งเป็นการสะดวกแก่การกำหนดรูปแบบแห่งคำนามที่จะนำมาใช้ทั้งหมดได้.
         ดังนั้น หัวข้อนี้ มีเรื่องที่ต้องกำหนดดังนี้
         ๑. วิภัตติมี ๗ หมวด มีชื่อเรียกว่า ปฐมาวิภัตติ เป็นต้น มีสัตตมีวิภัตติเป็นสุดท้าย.
         ๒. กลุ่มอักษรในแต่ละวิภัตติควรจะกำหนดให้ได้ว่า สิ เป็นปฐมาวิภัตติ เป็นต้น แม้ว่า จะไม่ท่องจำ หรือ จำไม่ได้ ไม่เป็นไร ให้กำหนดรูปสำเร็จที่เกิดจากการนำวิภัตตินี้ประกอบด้วย แต่ต้องใช้ความสังเกตรูปที่สำเร็จมากเพิ่มขึ้น. ดังนั้น สิ่งที่น่าจะต้องจำให้ได้ ควรจะเป็นบทที่สำเร็จจากวิภัตตินี้มากกว่า
         ๓. วิภัตติแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายเอกวจนะ กล่าวถึง จำนวนเดียวเท่านั้น และฝ่ายพหุวจนะ กล่าวถึงคำนามมากกว่า ๑ คือ ตั้งแต่ ๒ เป็นต้นไป.
         ๔. คำแปลของวิภัตติทุกหมวด รวมเรียกว่า อายตนิบาต คือ คำเชื่อมความ.             ส่วนคำแปลและความหมายของวิภัตติแต่ละหมวดและการนำประกอบกับศัพท์นามเดิมจะได้ยกไปศึกษากันในหัวข้อต่อไป.


×vØ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น