บทนำ : บาลี ภาษาแห่งพระธรรม
ในพระธรรม ๓ ประการ คือ พระปริยัตติธรรม พระปฏิบัติธรรมและพระปฏิเวธธรรม. และในพระธรรมทั้งสามประการนั้น
พระปริยัตติธรรมย่อมเป็นพื้นฐานของพระธรรมอีก ๒ อย่างที่เหลือ. จะขอกล่าวอย่างรวบรัดทีเดียวว่า
พระปริยัตติธรรมนั่นเองมีความเกี่ยวข้องกับภาษาบาลีโดยตรง ในแง่ที่ว่า เป็นธรรมที่ถูกสื่อออกมาโดยภาษาบาลีนี้.
ส่วนพระปฏิบัติธรรมและพระปฏิเวธธรรม
นับว่าเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากพระปริยัติธรรม.
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงถือว่า ภาษาบาลีนี้ เป็นภาษาแห่งพระธรรม
เพราะเป็นภาษาที่ใช้สื่อถึงพระธรรมทั้งสามประการ. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงตัดสินใจเลือกใช้ภาษาบาลีให้เป็นภาษาแห่งพระธรรม เพราะเป็นภาษาที่เป็นกลาง ๆ
ในการที่จะให้บุคคลทั่วไปในยุคนั้น ได้รับรสอมตธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้
กันอย่างกว้างขวาง.
เมื่อกล่าวถึงปริยัติธรรม
ก็คงไม่พ้นจากคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนามีไตรปิฎกเป็นต้นอยู่นั่นเอง
เพราะตำราเหล่านี้ล้วนแล้วแต่บันทึกไว้ด้วยภาษาบาลี โดยเหตุนี้ แต่ก่อนนั้น
บรรพชนไทย ต้องมีความรู้ในเรื่องภาษาบาลีเป็นอย่างดี
จึงจะเป็นผู้มีความรู้เรื่องพระธรรมที่มาในคัมภีร์เหล่านั้นได้ดี
จึงอาจกล่าวได้ว่า
ภาษาบาลีเป็นภาษาที่ช่วยให้เกิดความเข้าใจถ่องแท้ในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นภาษาที่เป็นรากฐานของสัมมาทิฏฐิ อันเป็นเหตุให้เกิดการพัฒนาตนเองทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นในปัจจุบันภพ หรือ สัมปรายภพ จนกระทั่งได้ถึงการพัฒนาอย่างสูงสุด. แม้ว่า
ปัจจุบัน คัมภีร์ต่าง ๆ เหล่านี้ ได้รับการถ่ายทอดออกเป็นภาษาไทยแล้ว ก็ตาม
ต้องไม่ลืมว่า ต้นฉบับแห่งคัมภีร์เหล่านั้นเป็นภาษาบาลี มิใช่ภาษาไทย
ผู้ที่สามารถแปลภาษาบาลีเป็นภาษาไทยได้
ก็ย่อมเป็นผู้มีความสามารถในภาษาบาลีนั้นเอง. ดังนั้น ไม่ว่าจะกล่าวในแง่ใด ๆ
ก็ตาม ภาษาบาลี จึงเป็นภาษาแห่งพระธรรม เพราะทำให้เกิดความกระจ่างชัดในพระธรรม
อันเป็นแนวปฏิบัติเพื่อชีวิตที่ดีทุกประการดังกล่าวมานี้.
ภาษาบาลี เป็นสัญญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนา
เพราะทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ หรือ เสียงเทศนา
เมื่อจะประกาศตนเองออกมาให้ประจักษ์แก่ชนทั้งหลาย
ก็คงหนีไม่พ้นที่จะเป็นภาษาบาลีนี้เอง อาทิ เมื่อได้ยินคำว่า นิพฺพาน คำว่า วิปสฺสนา
คำว่า มคฺค คำว่า อาราม คำว่า วิหาร เป็นต้น
ย่อมเป็นอันทราบได้เป็นอย่างดีว่า คำศัพท์เหล่านี้ ปรากฏใช้ในทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น
แม้ศาสนาอื่นจะหยิบยืมไปใช้บ้าง
แต่ก็หาได้ทรงความหมายอย่างที่พระพุทธศาสนาได้ใช้ไม่.
ไวยากรณ์ จัดเป็นหัวใจสำคัญที่จะบอกถึงระเบียบแบบแผนแห่งภาษา
เพื่อสืบค้นถึงรูปคำที่มีมาแล้ว และเป็นแนวทางการสร้างรูปคำใหม่ในอนาคตต่อไป.
ดังนั้น การศึกษาภาษาบาลี ก็คงหนีไม่พ้นจะต้องศึกษาระเบียบไวยากรณ์เสียก่อน
เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้เข้าใจภาษาบาลี ที่ปรากฏอยู่ในรูปแบบของปริยัติธรรม.
การศึกษาภาษาบาลี หากจะศึกษาเพียงไวยากรณ์นั้นแล้ว ก็จะใช่ว่า
เป็นผู้รอบรู้เรื่องพระธรรมไม่. เพราะเหตุไร ? เพราะไวยากรณ์เป็นเพียงเครื่องมือช่วยให้เข้าใจภาษาบาลี
ที่เป็นเครื่องสื่อถึงพระธรรม. เมื่อตั้งใจจะศึกษาภาษาบาลี
ควรที่จะตั้งใจมั่นเพื่อศึกษาพระธรรมที่ปรากฏอยู่ในตำราทางพุทธศาสนาต่าง ๆ
ให้เกิดความรู้ความเห็นที่ถูกต้องตามพุทธประสงค์ด้วย. ด้วยเหตุนั้น
ผู้ศึกษาไวยากรณ์บาลี ไม่ควรยุติเพียงแค่การมีเครื่องมือ
แต่ควรอาศัยเครื่องมือนั้นไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาพระธรรมดังกล่าว
ให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้
และควรนำความรู้ความเข้าใจนั้นมาปฏิบัติให้เกิดปัญญาที่จะนำออกได้ซึ่งกิเลส
อันเป็นธรรมฝ่ายต่ำที่จะฉุดผู้ทรงไว้ให้เข้าถึงที่ต่ำได้.
การศึกษาภาษาบาลี
จึงเป็นเครื่องช่วยเหลือการปฏิบัติธรรมให้ถูกต้องตามธรรมและเป็นประโยชน์แก่การรู้ธรรมที่มีความละเอียดลึกซึ้ง
ที่ผู้ปฏิบัติยังไม่สามารถเข้าถึงได้โดยการปฏิบัติในขณะนั้น ๆอีกด้วย.
เมื่อได้ประสานความรู้จากความรู้ในไวยากรณ์บาลีแล้วนำไปศึกษาคัมภีร์พระไตรปิฎกเป็นต้น
และการปฏิบัติธรรมเข้าด้วยกัน การศึกษาทั้งหมดย่อมเป็นการศึกษาเพื่อชีวิต
มีคุณทั้งแก่ตนเอง และผู้อื่น และที่สำคัญ คือ เป็นการ
สืบทอดพระศาสนาให้ดำรงอยู่ตลอดกาลนาน.
ขั้นตอนของการศึกษาภาษาบาลี เมื่อกล่าวโดยทั่วไป
ควรจะเริ่มที่ไวยากรณ์เสียก่อน เพราะมีพระพุทธภาษิตที่ตรัสถึงความไม่ฉลาดในไวยากรณ์จะเป็นเหตุให้เข้าใจหรือให้พระธรรมเลือนหายไปทีเดียวโดยใจความว่า
ภิกษุในพระพุทธศาสนา อาจศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฎกผิดพลาดได้ หากว่า
ถ้อยคำมีความพิรุธบกพร่อง. ถ้าหากถ้อยคำภาษาที่พิรุธบกพร่อง
ย่อมนำมาซึ่งการตีความผิดพลาดได้. นี้ก็จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไปจากโลกนี้. และนักปราชญ์ก็กล่าวคติเตือนใจว่า
โย นิรุตฺตึ น สิกฺเขยฺย สิกฺขนฺโต ปิฏกตฺตยํ
ปเท ปเท วิกงฺเขยฺย วเน อนฺธคโช ยถา
ผู้ใดไม่ศึกษาไวยากรณ์ ผู้นั้น
เมื่อศึกษาพระไตรปิฎก ก็จะสงสัยไปเสียทุกบท ดุจคชสารตาบอด เที่ยวสะเปะสะปะไปในป่า
ฉะนั้น.
ดังนั้น ไวยากรณ์บาลี จึงเป็นพื้นฐานในการศึกษาพระธรรมดังกล่าวมานี้. อนึ่ง ก่อนแต่จะเริ่มศึกษาภาษาบาลีจริง ๆ
นั้น ควรจะตั้งใจให้มั่น ยอมรับหลักการต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในหลักภาษา โดยปราศจากความเคลือบแคลงสงสัย
ปลูกฉันทะให้ยินดีต่อการศึกษาในภาษาบาลีนี้ให้มาก ๆ เชื่อว่า ความสำเร็จผลคงอยู่ไม่ไกลเป็นแน่แท้.
********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น